
กว่า 30 ปีที่ Virginie Viard อยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการสตูดิโอฝ่ายสร้างสรรค์แฟชั่นของชาเนล
และการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของดีไซเนอร์ระดับโลก คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ทำให้ชาเนลต้องเลือกผู้รับช่วงต่อ
ซึ่งคนที่เหมาะสมที่สุดคือ Virginie Viard นั่นเอง แม้ว่าชื่อของเธอจะไม่เป็นที่รู้จักของคนนอกวงการ
แฟชั่น แต่ในตอนนี้ไม่มีใครจะไม่รู้จักชาเนลไปมากกว่าเธออีกแล้ว

ตั้งแต่เธอขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการสตูดิโอของชาเนล ก็หมายความว่าเธอเป็นคนรับผิดชอบในการสร้างจินตนาการ
ของคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ให้กลายเป็นความจริง โดย Virginie Viard เคยให้สัมภาษณ์ว่า
“ฉันทำให้คอลเล็คชั่นมีชีวิตขึ้นตามภาพร่างของคาร์ล ฉันประสานงานกับทีมงาน ซัพพลายเออร์แลือำผ้าและวัสดุต่างๆ
ทันทีที่ฉันได้รับภาพร่างของเขา กระบวนการทำงานก็จะเริ่มขึ้น ฉันพพยายาามทำให้เขาพอใจ และฉันก็ชอบที่จะทำให้เขา
ประหลาดใจเช่นกัน”

และหนุ่มน้อย Hudson Kroenig ในคอลเล็คชั่น Metiers d’Art 2018/19
แม้ว่าแบรนด์แฟชั่นใหญ่ จะหันไปหานักออกแบบที่มีชื่อเสียงคนใหม่อยู่เรื่อยๆ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานเช่น Dior จ้าง Raf
Simons หรือ Burberry ที่แต่งตั้ง Riccardo Tisci แต่แนวทางนั้นมาพร้อมกับข้อเสีย เพราะนัก
ออกแบบแบรนด์เนมที่มีชื่อเสียงมักจะสร้างวิสัยทัศน์ของตัวเองให้กับแบรนด์ ในชณะที่มีแนวโน้มจะออกไปหลังจากนั้นไม่กี่ปี
ซึ่งชาเนลรู้ว่า Virginie Viard คุ้นเคยกับการทำงานของแบรนด์ และไม่น่าจะทิ้งชาเนลในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม ชาเนลเป็นแบรนด์ที่แสดงให้เห็นว่าชอบความมั่นคงมากกว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งคราว
เพราะตั้งแต่โคโค่ ชาเนล จากไป คาร์ล ลาเกอร์เฟลล์ ก็เข้ามาดูแลชาเนลจนว่าระสุดท้ายของชีวิต และจากการเปิดเผย
ล่าสุด ชาเนลสามารถสร้างยอดขายได้ 9.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2560 ทำให้เป็นหนึ่งในแฟชั่นเฮ้าท์สุดหรูที่ใหญ่ที่สุด
ในโลกตีคู่มากับหลุยส์ วิตตอง ทั้งหมดนี้เพราะฝืมือของผู้ทรางอิทธพลในโลกแฟชั่นอย่าง คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ แต่ Chanel
ภายใต้การดูแลของ Virginie Viard อย่างเต็มตัวจะออกมารูปแบบไหน เชื่อว่าทั้งโลกจะต้องจับตามองอย่างแน่นอน